รัฐบาล เร่งออกมาตรการป้องกันและแก้ความเสียหายทรัพยากรทางทะเล  เกาะ แก่ง และชายฝั่ง พร้อมเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคร่วมกันอนุรักษ์ทะเลและชายฝั่ง หลังพบภาพรวมความเสียหายของทรัพยากรทางทะลเจากน้ำมือมนุษย์ แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

 

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รับทราบภาพรวมสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญในปี 2560 พบว่า แนวปะการังฝั่งอันดามัน มีความเสียหายมากกว่าฝั่งอ่าวไทย  มีขยะมูลฝอยใน 23 จังหวัด ชายฝั่งทะเล เกิดขึ้น 11.47 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกถึง 3.4 แสนตัน ซึ่งมีโอกาสปนเปื้อนลงสู่ทะเล / ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งยาว 704 กิโลเมตร แนวโน้มทรัพยากรทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปจากการกระทำของมนุษย์มากกว่าธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณเกาะแก่งสำคัญ ของแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ ส่งผลเสียหายต่อแนวปะการัง สัตว์น้ำ และระบบนิเวศน์ทางทะเลมากขึ้น

 

ซึ่งที่ประชุม มีมติเห็นชอบการออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ เกาะไข่ใน เกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา และพื้นที่ เกาะราชาใหญ่ เกาะราชาน้อย อำเภอเมืองภูเก็ต รวมทั้ง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรประการัง จากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งมอบให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการต่อไป

 

พลเอกประวิตร ขอบคุณและให้กำลังใจทุกหน่วยงาน ที่ร่วมรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นผล และขอให้ทำต่อเนื่องในภาพรวม และ 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล รวมถึงกรุงเทพมหานคร / ขอให้ร่วมกันขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งระบบในภาพรวม เร่งรัดจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปี 62 - 69  และออกมาตรการคุ้มครองความเสียหายของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากการประกอบการท่องเที่ยวและกิจกรรมดำน้ำที่มีกว่า 5 ล้านรายต่อปี โดยให้ครอบคลุมทุกหมู่เกาะที่ได้รับผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบโดยเร็ว