มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดการประชุมสามัญประจำปี ๒๕๖๗

“มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดการประชุมสามัญประจำปี ๒๕๖๗” วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข รองประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานการประชุมสามัญประจำปี ๒๕๖๗ ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ การจัดประชุมสามัญประจำปี ๒๕๖๗ มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ประจำปี ๒๕๖๗ รายงานงบแสดงสถานะทางการเงิน งบรายรับ - รายจ่าย และการสอบบัญชีประจำปี ๒๕๖๗ ร่วมพิจารณาแผนการดำเนินงานมูลนิธิฯ ประจำปี ๒๕๖๘ ตลอดจนงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างรอบคอบ คุ้มค่า ประหยัด ตรงตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ และการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีประจำปี ๒๕๖๘ เพื่อรับผิดชอบในการจัดทำงบการเงินและนำเสนองบการเงินให้ถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ทั้งนี้มูลนิธิฯได้มีการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ และเพื่อสนองพระดำริองค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ให้เป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน รวมทั้งการจัดกิจกรรมหารายได้สมทบทุนเข้ามูลนิธิฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ประธานมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย โดยทรงห่วงใยปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล การทำร้ายสัตว์ทะเลของมนุษย์โดยตั้งใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน กระตุ้นปลูกจิตสำนึกของประชาชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย รวมทั้งเผยแพร่ให้สาธารณชนทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ทราบถึงประโยชน์และการให้ความร่วมมือ รวมทั้งขยายผลการดำเนินงานในวงกว้าง ตลอดจนดำเนินการร่วมกับองค์กรการกุศลอื่น ๆ เพื่อสาธารณประโยชน์