กรมประมง ทำลายซากสัตว์น้ำของกลางที่ยึดได้จากการกระทำผิดกฎหมาย

Release Date : 17-08-2019 14:16:01
กรมประมง ทำลายซากสัตว์น้ำของกลางที่ยึดได้จากการกระทำผิดกฎหมาย

กรมประมง ทำลายซากสัตว์น้ำของกลางที่ยึดได้จากการกระทำผิดกฎหมาย มูลค่ารวมกว่า 5 ล้าน 5 แสนบาท เป็นของกลางที่กรมศุลกากรตรวจยึดได้ ตั้งแต่ปี 2559 - 2561 รวม 40 คดี 
 
ที่เห็นอยู่นี้ เป็นซากสัตว์น้ำ ทั้งซากม้าน้ำแห้ง น้ำหนัก 130.6 กิโลกรัม / ปลาจิ้มฟันจระเข้แห้ง น้ำหนัก  7.2   กิโลกรัม  / ปะการัง น้ำหนัก  155 กิโลกรัม และอีก 57 ชิ้น / กัลปังหา จำนวน  204  ชิ้น / จระเข้ จำนวน  98  ชิ้น /  เต่า จำนวน  312  ชิ้น / ตะพาบน้ำไทย จำนวน   2  ชิ้น / ปลาดาวทะเล จำนวน   9  ชิ้น / มีเปลือกหอย จำนวน  2,225  ชิ้น รวมทั้งซากหอยงวงช้างตากแห้ง น้ำหนัก  9  กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 5,500,000 บาท (ห้าล้านห้าแสนบาท) เป็นของกลางที่กรมศุลกากรตรวจยึดได้ ตั้งแต่ปี 2559 - 2561 รวม 40 คดี และกรมประมงได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด โดยศาลมีคำพิพากษาตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุดและให้ตกเป็นของแผ่นดิน จากนั้นได้ส่งมอบซากสัตว์ของกลางให้กรมประมงเพื่อฝังทำลายทิ้ง ภายในศูนย์วิจัยและ พัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์ น้ำชายฝั่ง เขต 2 (สมุทรสาคร )
 
นายคณิศร์  นาคสังข์  ผู้อำนวยการกองควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิต กรมประมง บอกว่า ของกลางเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีการลักลอบนำไปขายทำยา ทำเครื่องประดับ หรือนำไปตกแต่งอควาเรียม เรื่องมูลค่าความเสียหายก็ส่วนหนึ่ง แต่คุณค่าของทรัพยากรเหล่านี้ บางชนิดอยู่ในสภาวะที่ใกล้สูญพันธุ์ บางชนิดกว่าจะเจริญเติบโตขึ้นมาใช้เวลาเป็นร้อยปี จึงเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจที่จะประเมินค่าได้
 
ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการลักลอบการนำเข้าด้วยวิธีการที่หลากหลาย และหลายช่องทางเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งการกระทำความผิดนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมหวังว่า การทำลายของกลางในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าส่งออกการค้าและครอบครองสัตว์น้ำ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 นำไปสู่การอนุรักษ์หวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำให้คงอยู่ต่อไป